สงสัยไหมคะว่า การเสริมจมูกก็มีตั้งหลายเทคนิค ต้องเสริมจมูกแบบไหนดี เสริมจมูกทรงไหนดีถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด (เทียบจากผลลัพธ์และเงินที่ต้องจ่าย) แต่ละเทคนิคมีความแตกต่างกันยังไงบ้าง วันนี้ Emma Clinic นำข้อมูลดี ๆ มาฝากทุกคนที่กำลังตัดสินใจอยากจะเสริมจมูก ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ
เสริมจมูกมีกี่แบบ?
ในปัจจุบันเทคนิคที่แพทย์ใช้เสริมจมูกจะมี 3 แบบที่เป็นยอดนิยม ก็คือการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) เสริมจมูกเซมิโอเพ่น (Semi-open Rhinoplasty) และการเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)

1.เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
เป็นการเสริมจมูกแบบเปิดแผลที่รูจมูกข้างเดียว ไม่มีรอยแผลที่มองเห็นจากภายนอก ไม่ต้องดมยาสลบในการผ่าตัดเพราะใช้เวลาเพียงแค่ 30 – 45 นาทีก็ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย เสริมจมูกวิธีนี้แผลผ่าตัดจะเล็กมาก บวมช้ำน้อย สามารถแต่งหน้าหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งคุณหมอจะดีไซน์ทรงจมูกเท่าที่เนื้อจมูกรับไหว ได้จมูกสไตล์ธรรมชาติ ไม่โด่งพุ่งจนเกินไป ช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้า
อ่านเพิ่มเติม : เสริมจมูก Close คืออะไร เหมาะกับใคร ข้อดีเป็นยังไงบ้าง
Tip เสริมจมูกน่ารู้ : อัปเดต 2023 รวมมาให้แล้ว เสริมจมูก “ครั้งแรก” ต้องรู้อะไรบ้าง?

2.เสริมจมูกเซมิโอเพ่น (Semi Open Rhinoplasty)
เสริมจมูก Semi Open คือ เทคนิคที่เปิดรูจมูกทั้งสองข้าง โดยมองไม่เห็นรอยแผลจากภายนอก ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นไม่นาน บวมช้ำน้อย เทคนิคนี้สามารถปรับลดความกว้างของฐานจมูกได้ ปรับทรงจมูกให้ดูเรียวเล็กขึ้น เหมาะกับคนที่ฐานจมูกกว้างจนไม่สามารถแก้ไขด้วยการเสริมจมูกแบบ Closed แต่เทคนิคนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างจมูกได้อย่างละเอียดเท่ากับการเสริมจมูก Open

3.เสริมจมูกแบบโอเพ่น
ทำจมูกแบบ Open คือ การเสริมจมูกเทคนิคเปิดแผลบริเวณด้านในหรือด้านนอกฐานจมูก โดยกรีดผ่าเปิดโครงสร้างภายใน สามารถเข้าไปปรับแก้โครงสร้างภายในได้อย่างตรงจุด ใช้วัสดุเสริมจมูกที่มาจากร่างกายตัวเองเพิ่มความโด่งพุ่งแบบเซฟโครงสร้าง ตอบโจทย์ปัญหาโครงสร้างที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยการเสริมจมูกแบบ Closed หรือเสริมจมูกเซมิโอเพ่น
อ่านเพิ่มเติม: เจาะลึกเสริมจมูกแบบโอเพ่น ปรับโครงสร้าง ตอบโจทย์ทุกปัญหาจมูก
จุดเด่นของการเสริมจมูกแต่ละแบบเป็นยังไงบ้าง?
การเสริมจมูกแต่ละแบบจะมีการเปิดแผลที่แตกต่างกัน เราควรเสริมจมูกทรงไหนดีล่ะ เพราะผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกัน รวมไปถึงแต่ละเทคนิค การเสริมจมูกราคาก็จะมีความแตกต่างกันออกไปด้วย

1.จุดเด่นเสริมจมูกแบบปิด
เป็นเทคนิคที่เปิดรูจมูกเพียงหนึ่งข้าง สามารถทำร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ได้ เช่น การตะไบฮัมพ์ (ในบางเคสที่ไม่ได้มีฮัมพ์จมูกสูง) ตัดปีกจมูก รองปลายด้วยเนื้อเยื่อเทียมเพื่อป้องกันซิลิโคนทะลุ เทคนิคนี้เพิ่มความโด่งปลายจมูกได้ระดับนึง ขึ้นอยู่กับเนื้อของคนไข้และโครงสร้างเดิม ผลลัพธ์ที่ได้คือจมูกสไตล์ธรรมชาติ เพิ่มมิติให้กับใบหน้า เหมาะกับเป็นจมูกแรกของหลาย ๆ คน เพราะปัญหาจมูกยังมีไม่มาก และทำจมูกราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,900 บาท
อ่านเพิ่มเติม : อัปเดต 2023 เสริมจมูกที่ไหนดี 5 ข้อ ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกเสริมจมูก
2.จุดเด่นเสริมจมูกเซมิโอเพ่น
เป็นการเสริมจมูกโดยเปิดรูจมูกทั้งสองข้าง สามารถทำร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นตะไบฮัมพ์ ปรับฐานจมูกได้อย่างทั่วถึง ตัดปีกจมูกเพื่อปรับรูจมูกให้ความสมมาตรของทั้งสองข้างใกล้เคียงกันมากขึ้น หรือแม้แต่ตอกฐานจมูกลดความกว้าง เทคนิคนี้สามารถรองปลายด้วยเนื่อเยื่อก้นกบหรือกระดูกหลังหูเพิ่มความปลายดูละมุน เหมาะกับคนที่ไม่ได้มีปัญหาโครงสร้างจมูกมากนัก แค่ต้องการปรับแต่งให้ทรงจมูกเรียวสวยขึ้น แต่ยังได้จมูกสไตล์ธรรมชาติที่โด่งขึ้น โดยทำจมูกราคาเริ่มต้นคือ 39,000 บาท
3.จุดเด่นเสริมจมูกแบบโอเพ่น
เป็นเทคนิคที่สามารถแก้ไขโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างตรงจุด เพราะได้เปิดโครงสร้างเห็นภายใน ดังนั้นจึงสามารถทำร่วมกับเทคนิคได้หลากหลาย เช่น ตะไบฮัมพ์ที่มีปุ่มกระดูกขนาดใหญ่ให้หายไปได้
เทคนิคยืดกระดูกปีกนก ลดความอ้วนกลมปีกจมูกได้โดยไม่ต้องตัดปีก เทคนิคเลาะไขมันปลายจมูกและยืดผนังกั้นจมูกตกแต่งปลายจมูกให้เรียวเล็ก เทคนิคตอกฐานจมูก ปรับจมูกให้เรียวเล็ก สันจมูกดูคมชัดขึ้น สามารถใช้วัสดุในร่างกายตัวเองเพื่อเสริมจมูก เช่น กระดูกซี่โครงตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้คือจมูกที่เรียวเล็ก ตรงตามความต้องการของคนไข้ โดยทำจมูกราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 99,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม : แก้ไขปัญหาจมูกใหญ่ ปลายจมูกชมพู่ กับ 3 เทคนิคปรับโครงสร้างจมูก

ปัญหาจมูกแบบเรา เหมาะกับการเสริมจมูกแบบไหนดี?
ก่อนอื่นอาจต้องประเมินปัญหาจมูกตนเองเบื้องต้นว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้มีปัญหาจมูกเยอะ แค่ต้องการให้สันปลายจมูกโด่งขึ้น จมูกดูมีมิติมากขึ้น เสริมจมูกเทคนิค Closed ก็ตอบโจทย์ได้ แต่ถ้ามีปัญหาโครงสร้างจมูกเยอะอาจต้องพิจารณาเทคนิคอื่น ซึ่งจะมาให้ข้อมูลอย่างละเอียดว่าเสริมจมูกแต่ละเทคนิคแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง
1.เสริมจมูก Closed แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
คนที่มีปัญหาเนื้อจมูกน้อย ฐานจมูกกว้างเล็กน้อย ปีกจมูกบาน ปลายจมูกอ้วนกลม แกนจมูกคดเพียงเล็กน้อย หรือแม้แต่ผู้ที่เคยผ่านการร้อยไหม ฉีดสารเติมเต็ม (Filling Substance) ในบางเคสก็สามารถแก้ไขได้เช่นกัน โดยเฉพาะที่ Emma Clinic ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำคือทรงจมูกสวย สไตล์ธรรมชาติ สันสโลป ปลายทรงหยดน้ำ Teardrop ทั้งนี้ ในเคสที่คนไข้จมูกเนื้อน้อย จะมีคุณหมอช่วยประเมินว่า คนไข้เนื้อน้อยระดับนี้ จะสามารถเสริมจมูกโด่งได้ขนาดไหน เพื่อเซฟจมูกของคนไข้
2.เสริมจมูก Semi – open แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
คนที่มีปัญหาเนื้อจมูกน้อย ฐานจมูกกว้าง ปีกจมูกบาน ปลายจมูกอ้วนกลม แกนจมูกเอียง หรือเป็นงานแก้ไม่ว่าจะจากทั้งเคยฉีดสารเติมเต็ม (Filling Substance) หรือร้อยไหมมา รวมถึงเคยเสริมจมูกมาแล้วและอยากแก้จมูก ผลลัพธ์หลังทำคือการปรับสมมาตรระหว่างฐานจมูกให้สมมาตรมากขึ้น เทคนิคเสริมจมูกเซมิโอเพ่นถือว่าตอบโจทย์เลยค่ะ
3.เสริมจมูก Open แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
จริง ๆ แล้ว การเสริมจมูกแบบโอเพ่นตอบโจทย์แทบจะทุกปัญหาโครงสร้างเลย ไม่ว่าจะเป็น จมูกเนื้อน้อย ฐานกว้าง ปีกจมูกบาน ปลายจมูกอ้วนกลม แกนจมูกเอียง ผนังกั้นจมูกคด จมูกฮัมพ์สูง สันจมูกหัก โครงสร้างจมูกเบี้ยวเอียง รวมถึงเคสแก้ที่เคยผ่านการฉีดสารเติมเต็ม (Filling Substance) ร้อยไหมมาก่อน หรือเคยมีการเสริมจมูกมาแล้ว และต้องการแก้ไข ปรับรูปทรงจมูกให้สวยงามขึ้น การเสริมจมูกแบบโอเพ่นถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ เลยค่ะ เพราะแก้ไขปัญหาได้หลากหลาย เป็นการเปิดโครงสร้างจมูกและแก้ไข หรือหากใครที่อยากได้ทรงจมูกโด่งพุ่งแบบเซฟโครงสร้าง เทคนิคนี้ถือว่าตอบโจทย์เช่นเดียวกันค่ะ ที่ Emma Clinic เรามีการเสริมจมูกโอเพ่นSS Safe Structure ที่ดีไซน์ทรงจมูกให้เข้ากับแต่ละคน โอกาสจมูกล้มน้อย สวยในแบบที่ต้องการ
อ่านเพิ่มเติม: โครงสร้างจมูกพัง เสริมจมูกโอเพ่นปรับโครงสร้างSS Safe Structure ช่วยได้ไหม?

เราควรเสริมจมูกแบบไหนดี ต้องรู้อะไรบ้าง
จากที่เล่ามาทั้งหมด สรุปได้ว่า ก่อนที่จะรู้ว่าควรเสริมจมูกเทคนิคไหน ควรพิจารณา 3 ข้อดังต่อไปนี้
1.รู้ปัญหาโครงสร้างจมูกของตัวเอง :
สามารถส่องกระจกประเมินปัญหาจมูกตนเองได้เบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจมูกชมพู่ ปีกจมูกกว้าง หน้าขาดมิติเพราะสันจมูกเตี้ย หรือแม้แต่การลองหยิบเนื้อตรงสันจมูกดูเพื่อเช็กว่า เนื้อจมูกมีน้อยหรือไม่ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: How to ดูเนื้อจมูก เสริมจมูกออกมาโด่งได้แค่ไหน? อ่านแล้วเข้าใจทำตามง่าย ๆ
2.รู้ทรงจมูกและความต้องการของตัวเอง :
หลังจากรู้ปัญหาโครงสร้างจมูกแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือ Reference หรือเรฟเสริมจมูกทรงที่อยากได้ เพื่อจะประเมินว่าควรเสริมจมูกเทคนิคไหนดี อย่างคนที่ต้องการจมูกสไตล์ธรรมชาติไม่โด่งพุ่งมาก แค่เสริมจมูก Closed ก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับบางคนที่อยากได้พุ่ง ๆ การเสริมจมูกโอเพ่นก็จะตอบโจทย์มากกว่า ทั้งนี้ เบื้องต้นสามารถเซฟภาพเรฟเสริมจมูกพร้อมกับถ่ายรูปทรงจมูกของตัวเอง ส่งภาพมาประเมินกับคุณหมอว่าควรเสริมจมูกเทคนิคไหนถึงจะดีที่สุด
อ่านเพิ่มเติม: ทรงจมูกมาแรง 2023 มีทรงไหนบ้าง รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์
3.งบประมาณในใจ :
เมื่อประเมินปัญหาและได้เรฟที่ต้องการแล้ว งบประมาณที่จะใช้เสริมจมูกถือว่าสำคัญมาก หากอยากเสริมจมูกเทคนิคโอเพ่นแต่งบประมาณไม่ถึง อาจลองหาเทคนิคอื่นเป็นทางเลือก เช่น เสริมจมูกเซมิโอเพ่น หรืออาจรอเก็บเงินแล้วมาทำให้สวยทีเดียวไปเลยก็ได้เช่นกัน

ตัวอย่างการประเมิน ปัญหาแบบเราควรเสริมจมูกแบบไหนดี
เมื่อรู้ปัญหาโครงสร้าง และทรงจมูกที่ต้องการแล้ว ก็ต้องมาประเมินว่าเรามีงบเท่าไร จึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรเสริมจมูกเทคนิคไหนดี ยกตัวอย่างเช่น
- เป็นคนที่มีจมูกเนื้อเยอะ ยืดหยุ่นดี อยากได้จมูกสไตล์ธรรมชาติ มีงบในการเสริมจมูกอยู่ที่ 30,000+ บาท การเสริมจมูกเทคนิค Closed ถือว่าตอบโจทย์
- เป็นคนมีปัญหาจมูกที่ต้องปรับแก้ไขโครงสร้างต่าง ๆ เช่น จมูกเนื้อน้อยมาก จมูกสั้นเหิน แกนจมูกคด และอยากได้ทรงจมูกที่โด่งพุ่ง เรียวสวย แต่ยังคงคอนเซปต์จมูกหยดน้ำ Teardrop สไตล์เกาหลี มีงบการเสริมจมูก 100,000+ บาท เสริมจมูกแบบโอเพ่นก็ถือว่าตอบโจทย์ไม่น้อย
- หรือบางคนหลังส่องกระจกประเมินใบหน้าตัวเองเบื้องต้น มีฐานจมูกกว้าง แล้วอยากได้ผลลัพธ์จมูกเรียวเล็ก มีงบการเสริมจมูก 50,000+ บาท เสริมจมูกเซมิโอเพ่นถือว่าลงตัวสุด
สรุป
ไม่มีการเสริมจมูกเทคนิคไหนดีที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมีปัญหาแบบไหน ทรงจมูกที่อยากได้เป็นยังไง และงบเสริมจมูกราคาเท่าไรที่จ่ายไหว หากใครอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ควรเสริมจมูกที่ไหนดี หรือต้องการจองคิวเสริมจมูกที่ Emma Clinic สามารถทักมาจองคิวปรึกษา และทำจมูกได้ค่ะ