คางเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างใบหน้า ที่สามารถสร้างความสมดุลให้กับใบหน้าและส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวม ซึ่งบางคนอาจมีปัญหาคางที่ไม่สมดุลแตกต่างกันไป เช่น คางสั้น คางยื่น หรือคางถอย ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการศัลยกรรมแก้คางและการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ แต่การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ควรเลือกอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจกันนะ
แก้คางดีไหม ปัญหาคางแบบไหนที่ควรแก้
- คางสั้น ปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองจากด้านข้างคนที่มีคางสั้น ใบหน้าจะให้ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป และไม่มีความคมชัดเท่าที่ควร
- คางยื่น อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วนจากรูปทรงที่ยื่นออกมากกว่าปกติ ส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมดูไม่เข้าที่ ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้อาจจะต้องใช้เป็นวิธีการศัลยกรรมจึงจะเหมาะสมมากกว่า
- คางแหลม ทำให้ใบหน้าดูไม่กลมกลืนเข้ารูป เนื่องจากมีความพุ่งของคางที่เป็นตัวดึงสายตา ทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูแปลกไปจากเดิม
- คางเบี้ยว ปัญหาคางเบี้ยว คางไม่สมดุล เกิดจากกระดูกหรือกล้ามเนื้อทั้ง 2 ฝั่งไม่เท่ากัน อาจทำให้ใบหน้าดูไม่เข้ารูปเท่าที่ควร และอาจลดทอนความมั่นใจได้
ศัลยกรรมคาง VS โปรแกรมฟิลเลอร์คาง แตกต่างกันอย่างไร
การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์คาง
เป็นหนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปคาง โดยเฉพาะคนที่ไม่ต้องการการผ่าตัด และต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลเร็วโดยไม่ต้องพักฟื้น แต่การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์คางก็มีข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม
1. การติดเชื้อจากการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์
การเสริมคางด้วยการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ไม่ทำในสภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ ซึ่งการเสริมคางติดเชื้ออาการที่ตามมาคือบริเวณที่ฉีดอาจจะเกิดการบวมแดง หรือเกิดการอักเสบที่รุนแรง และในบางกรณีต้องรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อระบายหนองออกอีกด้วย
2. ผลลัพธ์ที่ไม่ยั่งยืน
เนื่องจากตัวโปรแกรมฟิลเลอร์คางจะค่อย ๆ สลายไปตามเวลา โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทที่ใช้ ซึ่งใครที่อยากให้ทรงคางดูสวยและอยู่ได้นาน ๆ อาจจะต้องฉีดซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
3. ผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด
ในบางกรณี การฉีดเสริมคางอาจทำให้เกิดการยุบตัวของสารเติมเต็มจากปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งทำให้รูปคางไม่สวยงาม ดูผิดเพี้ยน และไม่เป็นไปตามที่ต้องการได้
การศัลยกรรมคาง (Chin Surgery)
อีกหนึ่งทางเลือกเกี่ยวกับการปรับรูปทรงของคาง ที่จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมในระยะยาว และได้ทรงคางที่สมดุลกับใบหน้าตามความต้องการ และถึงแม้ว่าการศัลยกรรมคางจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ แต่การเสริมคางหรือการแก้คางนั้น เป็นการปรับโครงสร้างของคางได้อย่างถาวรมากกว่า ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์หลังทำมีความคงทนและอยู่ได้นานกว่านั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณเลือกเสริมคางกับคลินิกที่มีเทคนิคในการจัดการทรงคาง พร้อมทั้งมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์คอยดูแลความปลอดภัย ก็จะช่วยทำให้คุณได้คางที่สมดุลรับกับสัดส่วนของใบหน้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
แก้ปัญหาคางที่กังวลใจกับ Emma Clinic
คลินิกศัลยกรรมคางที่ใส่ใจถึงความต้องการของลูกค้า และพร้อมดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างจริงใจ ด้วยเทคนิคเสริมคาง Chin Design Locked
- แก้รูปคางที่เป็นปัญหาให้กับลูกค้า โดยทำการเหลาซิลิโคนคางแบบเคสต่อเคสโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้ตัวซิลิโคนรับกับใบหน้าของแต่ละบุคคล
- เสริมคางด้วยเทคนิคแผลในใต้ริมฝีปากล่าง และทำการเย็บแผลด้วยไหมละลาย ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบไม่มีแผลด้านนอก ช่วยให้ผิวใต้คางดูเรียบเนียนไม่ทิ้งรอยนูน ลดโอกาสการเสริมคางติดเชื้ออาการบวมแดงหรือรอยแผลที่ดูแลยาก ที่อาจเกิดจากฝุ่นหรืออุบัติเหตุภายนอก
- มีเทคนิคการล็อกซิลิโคน โดยการวางซิลิโคนไว้ใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกเพื่อให้ซิลิโคนแนบชิดและล็อกไว้จนแน่นอีกชั้น ป้องกันการเคลื่อน เบี้ยว เอียง ของทรงคางหลังทำ
เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์คางที่ดูละมุนสวยสไตล์เกาหลี เราจึงใส่ใจลูกค้าทุกท่านในทุกขั้นตอนการศัลยกรรมแก้คาง สอบถามรายละเอียดและจองคิวเสริมคางกับ Emma Clinic วันนี้ เพื่อทรงคางที่ใช่ในแบบที่เป็นคุณกันนะคะ